วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ขอถามวัดพระธรรมกายเกี่ยวกับคดีสหกรณ์


1.วัดพระธรรมกายมีส่วนเกี่ยวข้อง ในกรณีถูกกล่าวหาว่า..ยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หรือไม่ ?
🔊ตอบ วัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกรณียักยอกเงินดังกล่าว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ทางวัดได้สอบถามนายศุภชัยว่า..เงินที่นำมาทำบุญได้มาจากไหน ? ก็ได้รับคำตอบว่า..กู้ยืมมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น และได้ชำระคืนแล้ว  โดยมีหลักฐานคือ การตรวจสอบบัญชีประจำปี และรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ฯ แล้ว



2.ยอดเงินบริจาคมากถึงหลายร้อยล้านบาท ทำไม..ทางวัดถึงไม่สงสัยที่มาของเงินบ้าง ?
🔊ตอบ นายศุภชัย ไม่ใช่ผู้ที่มาบริจาคทำบุญมากที่สุดของวัด ยังมีผู้ที่บริจาคทำบุญมากกว่านายศุภชัยอีกหลายท่าน เพราะศาสนสถานที่ก่อสร้างเพื่อรองรับคนเรือนล้านต้องใช้งบประมาณมาก ดังนั้นเมื่อนายศุภชัยมาทำบุญจำนวนมาก และบอกว่า ได้ทำธุรกิจหลายอย่าง  ได้ผลกำไรดีมาก จึงเอามาทำบุญ ทางวัดจึงไม่ได้สงสัยอะไร

3.วัดพระธรรมกายนำเงินครั้งนี้ไปทำอะไร ?
🔊ตอบ นำไปใช้ก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาค เนื่องจากมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่วัดจำนวนมาก คราวละนับล้านคนในงานบุญใหญ่  จึงจำเป็นต้องมีการสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่รองรับ ซึ่งการสร้างศาสนสถานรองรับคนจำนวนมากนี้ ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน

4.เพราะเหตุใด ทางวัดพระธรรมกายจึงคืนเงินบริจาคของนายศุภชัย จำนวน 684 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ?
🔊ตอบ  ทางวัดได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต  และนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางวัดไม่สามารถนำเงินของผู้บริจาครายอื่นที่มาบริจาคทำบุญในวัตถุประสงค์อื่นมาคืนให้แก่สหกรณ์ฯได้  แต่เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น ทางคณะศิษย์ของวัดพระธรรมกายเห็นว่า  หากมีการต่อสู้คดีกันต่อไปก็จะกินเวลานาน และเกิดความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงของวัด  และต่อสมาชิกสหกรณ์ผู้ฝากเงินที่เดือดร้อน  จึงได้ตั้งกองทุนรวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนแก่สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์  โดยมีเงื่อนไขว่า  หากอนาคตมีการพิสูจน์ได้ว่า  เงินที่ทางนายศุภชัยนำมาบริจาคแก่วัดนั้น  มาจากการกู้ยืมและได้คืนไปหมดแล้ว  ตามที่นายศุภชัยได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ทางสหกรณ์ก็จะคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่คณะลูกศิษย์วัด



5.ขณะนี้ปัญหาระหว่างสหกรณ์ฯ กับวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไรบ้าง ?

🔊ตอบ ทางสหกรณ์ฯได้มีหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย  ที่มีน้ำใจจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาแก่ทางสหกรณ์ฯ และสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่เดือดร้อนครบจำนวน  ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว เมื่อทางวัดรับเงินบริจาคโดยสุจริตเปิดเผย  และนำเงินไปก่อสร้างศาสนสถานซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนาของผู้บริจาคเสร็จสิ้นไปแล้ว  ถือเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย  ดังตัวอย่าง  ที่นายศุภชัยก็ได้นำเงินไปบริจาคให้แก่วัดและโรงเรียนอื่น ๆ  อีกหลายแห่ง  ซึ่งก็ไม่ต้องคืนเงินแต่ประการใด  แต่ทางคณะลูกศิษย์วัดยึดหลักมนุษยธรรม  จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาแก่สมาชิกสหกรณ์ฯ ที่เดือดร้อน  ดังนั้นเรื่องราวระหว่างสหกรณ์ฯ กับทางวัดจึงจบลงแล้วด้วยดีทุกประการ   และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558  ทางวัดก็ได้ไปให้ข้อมูลกับทาง DSI ในฐานะพยานยืนยันว่า ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นใด ๆ กับนายศุภชัย ในคดียักยอกเงินของสหกรณ์ฯ คลองจั่นแต่อย่างใด



 
             คลิกเพื่อดูคลิปยืนยัน  https://www.youtube.com/watch?v=XRVAT7WsffU&feature=youtu.be  
 
 


 
 
 
 
6.นักวิชาการบางท่านได้ความคิดเห็นว่า การบริจาคเงินให้แก่วัด ควรมีวิธีการที่โปร่งใสและเปิดเผยมากกว่านี้ โดยควรระบุแหล่งที่มาของเงินนั้นๆ ในการบริจาคด้วย ทางวัดพระธรรมกาย เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร ?
🔊ตอบ  วัดหรือมูลนิธิหรือองค์กรสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่ได้ด้วยเงินบริจาค  การจะไปถามผู้บริจาคว่า เอาเงินมาจากไหน ? ในเชิงปฏิบัติจริงทำได้ยาก  เพราะจะเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง เหมือนเป็นการดูถูกผู้บริจาค แต่ทางวัดเห็นด้วยกับหลักการความโปร่งใสในการบริจาคทาน

ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดหาวิธีการที่ปฏิบัติได้จริงมานำเสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทุกวัด ทุกมูลนิธิ และทุกองค์กรการกุศลสืบไป

7.ในความเชื่อที่ว่า "ยิ่งบริจาคมาก ยิ่งได้บุญมาก ชีวิตในชาติหน้าจะดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ท่านมีความเห็นอย่างไร ?
🔊ตอบ  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ในการบริจาคทานนั้น หากผู้บริจาคมีจิตเลื่อมใสมาก แม้บริจาคน้อยก็ได้บุญมาก  และทรัพย์ที่นำมาบริจาคนั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่ได้มาด้วยความสุจริตด้วย จึงจะได้บุญมาก 

                “คนเราควรให้ทานเต็มกำลังศรัทธาของตนเอง

โดยไม่ให้เดือดร้อนตนเอง และไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ความไม่ยุติธรรมที่วัดพระธรรมกายเจอมาโดยตลอด

ก่อนจะอ่านบทความในบทต่อๆไปที่เป็น “คำถาม-คำตอบ” เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ผมอยากให้คุณค่อยๆ สังเกตสิ่งต่อไปนี้

1) หลังจากทาง DSI แถลงการณ์ว่า จะขอศาลอนุมัติหมายจับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยการยื่นเอกสาร ทำให้พบความผิดปกติอยู่ 4 ประเด็น คือ

1.1) ทำไมออกหมายจับผู้ที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่าเป็นจำเลย



1.2) ทำไม DSI ถึงเลือกแถลงการณ์ผ่านเอกสาร แทนที่จะแถลงการณ์ออกสื่อแบบที่เคยทำผ่านมา ทั้งๆ ที่คดีนี้เป็นคดี Talk of The Town มีผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก ซึ่งผิดวิสัยของคดีดังๆ ที่สังคมจับตามอง มีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือไม่ ???



1.3) ทำไม DSI แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายป่วยจริง ทั้งๆ ที่ครั้งที่แล้วที่ DSI มาพบเจ้าอาวาสที่วัด ก็เอามือไปจับตัวท่าน แล้วก็เปิดดูขาและแผลที่เกิดจากโรคเบาหวาน และDSI ก็เป็นคนแถลงการณ์เองไม่ใช่หรือว่าท่านป่วยจริง ??? 


พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นคนมาดูเอง จำไม่ได้รึครับ???






1.4) ทำไม DSI รวบรัดขั้นตอนปกติที่ควรจะเป็น ตั้งธงไว้แล้วหรือมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่มีวี่แววว่าหลบหนี เพราะตามหลักแล้ว ถ้าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายป่วยจริง จะขอเลื่อนด้วยเหตุจากสุขภาพ  หรือมีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็สามารถได้สิทธิตามนั้นได้อยู่แล้ว แต่ถ้าทาง DSI ไม่เชื่อใบรับรองแพทย์ที่ทนายของวัดธรรมกายยื่นให้ ก็ส่งทีมแพทย์มาตรวจสอบว่าป่วยจริงหรือไม่ก็ได้ ซึ่งถ้าตอนนั้นเห็นว่าเจ้าอาวาสป่วยไม่จริง เวลานั้นค่อยขอให้ศาลอนุมัติหมายจับก็ยังไม่สาย เพราะยังไงเจ้าอาวาสวัดธรรมกายก็ไม่หลบหนีไปไหนอยู่แล้ว






      
 

 ดังนั้น..งานนี้เห็นได้ชัดว่า DSI รวบรัดขั้นตอนโดยตัดสินใจเอง โดยไม่ส่งทีมแพทย์ของส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบ จุดนี้..เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่า DSI ไม่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าอาวาสวัดธรรมกาย !!!

 

2) เงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนที่หายไป 12,000 กว่าล้านบาท แต่ทำไม DSI มาตามไล่บี้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเงิน 600 กว่าล้านที่คุณศุภชัยบริจาคให้วัดพระธรรมกายเพียงเจ้าเดียว โดยไม่ไปไล่บี้เงินที่เหลือจำนวนมหาศาล 11,000 กว่าล้านนั่น เหมือนกับ ได้ทำแบงค์พันหายไป และก็ทำเหรียญบาทหาย 1 เหรียญ  แต่กลับเอาแรงทั้งหมดมาทุ่มตามหาเศษเงินแค่เหรียญบาท แปลกไหมครับ !!





3) เงินสหกรณ์หลายพันล้าน ถูกบริจาคให้ตั้งหลายองค์กร (ไปสืบดู) แต่ทำไม DSI เจาะจงตั้งข้อหารับของโจร-ฟอกเงิน กับวัดพระธรรมกายแห่งเดียว ทำไมไม่ตั้งข้อหานี้กับองค์กรอื่นบ้าง ? ทั้งๆ ที่ทางลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็รวมเงินกันมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ไปแล้ว  แล้วสหกรณ์ก็ถอนฟ้องไม่เอาผิด แถมยังทำจดหมายขอบคุณกลับมาด้วยซ้ำ !!!

 


 
 
 

4) คดีต่างๆ ในอดีตที่ยุติไปแล้วของวัดพระธรรมกาย เพราะไม่มีเจ้าทุกข์ แต่อยู่ๆ พอเอาผิดข้อนั้นข้อนี้กับวัดพระธรรมกายไม่ได้ ก็พาลเจ็บใจจะให้ฟื้นคดีดื้อๆ โดยไม่เคารพกฎหมายบ้านเมืองเลย
 

ผลการตัดสินในครั้งนั้น ออกมาสรุปว่าวัดพระธรรมกายบริสุทธิ์ สื่อจึงได้ทำเรื่องขอขมา



5) ขณะที่สื่อเมืองไทยด่าวัดพระธรรมกาย แต่ทำไมวัดพระธรรมกายกลับได้รับการยกย่องจาก 97 องค์กรสำคัญจาก 40 ประเทศทั่วโลก
  
           
                           

 6) ถ้าวัดพระธรรมกายผิดจริง ทำไมมหาเถรสมาคมต้องอุ้ม ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องเสียชื่อเสียงและพลอยซวยไปด้วย





ตรงจุดนี้ ก็มีคนบอกว่า เพราะวัดพระธรรมกายจ่ายเงินซื้อมหาเถรสมาคมไว้หมดแล้ว
จากข้อกล่าวหาตรงนี้เอง หากมามองความเป็นจริง เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดของมหาเถรสมาคมเลย เพราะพระทุกรูปท่านก็มีลูกศิษย์ลูกหานับถือจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังมีปัจจัยเหลือเฟือโดยไม่จำเป็นต้องเอาเงินจากวัดพระธรรมกายเลย

ตรงจุดนี้ อยากให้ทำใจกลางๆ ลองคิดดูว่า...

หากคุณเป็นคนรวยที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ แล้วต้องมาเป็นตุลาการตัดสินใครสักคน โดยเห็นแก่ความถูกต้องจริงๆ แต่ต้องสูญสิ้นชื่อเสียงทั้งหมด และโดนปลดจากทุกตำแหน่งที่มี ถ้าเป็นคุณ..คุณจะยอมไหม ???

แต่ด้วย “คุณธรรมแห่งความเป็นพระ” และ“รักความถูกต้อง” ยิ่งกว่า อำนาจ เงินและยศนี่เอง จึงมีพระผู้ใหญ่หลายท่านยอม !!!
 

อย่างในกรณี วันที่ 16 กันยายน  พ.ศ. 2541 ที่ พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เจ้าคณะภาค 1 ท่านก็ได้ตัดสินโดยใช้หลักของความเป็นธรรม เพราะรู้ว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายโดนใส่ร้าย ท่านจึงตัดสินให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ผิด ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้อยู่เต็มอกว่า..หากตัดสินออกมาแบบนี้ ท่านจะต้องพบชะตากรรมเช่นไรบ้าง !!!

 ซึ่งก็จริงๆ  หลังจากท่านตัดสินเช่นนี้ ทำให้พระพรหมโมลีโดนปลด จึงหลีกเร้นมาใช้ชีวิตปั้นปลายแบบกินอุดมการณ์ และท้ายที่สุดก็มรณภาพในประเทศพม่าในเวลาต่อมา !!!

7) ถ้าวัดพระธรรมกายผิดจริง ทำไมพระเป็นแสนๆ และคนเรือนล้านยังอยู่ข้างวัดพระธรรมกายเรื่อยมา แถมคนกลุ่มนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นพวกโง่ ตรงข้ามกลับเป็นพวกมีการศึกษา หรือเป็นพวก ดร.มาบวช อีกทั้งมีฐานะทางสังคมกว่าพวกที่ด่าวัดพระธรรมกายอีกด้วย

งานตักบาตรพระ-สามเณรจำนวนแสนรูป ในวันที่ 22 เมษายน 59 ที่ผ่านมา




8) คนโจมตีวัดพระธรรมกายส่วนใหญ่ ก็คือ คนกลุ่มเล็กๆ เจ้าเดิมๆ แต่เป็นคนที่คุมสื่อได้ จึงทำให้ประสบความสำเร็จในการใส่ร้ายวัดมาโดยตลอด


 

9) ถ้าวัดผิดจริงๆ ทำไมไม่เอาความจริงมาสู้กัน แต่กลับอาศัยความไม่รู้กฎหมายของประชาชนเป็นเครื่องมือ  แล้วปล่อยข่าวทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าวัดทำผิดกฎหมาย
 
เพิ่มคำอธิบายภาพ

 
  10) ถ้าแน่ใจว่าวัดพระธรรมกายมีความผิดที่ร้ายแรงมากอยู่แล้ว ทำไม..ต้องใส่ร้ายวัดเพิ่ม หรือเพราะจริงๆ ก็รู้ทั้งรู้อยู่ว่าวัดพระธรรมกายไม่ผิดจริง แต่เพราะเกลียดพวกวัดพระธรรมกาย ก็เลยทำเพจปลอม ทำเฟสบุ๊กปลอม ทำบทความปลอม ตัดต่อภาพเจ้าอาวาส แถมยังจ้างคนห่มจีวรแล้วไปทำชั่ว เพื่อใส่ร้ายว่าเป็นพระวัดพระธรรมกาย  เพราะต้องการให้คนเข้าใจวัดว่าวัดผิดจริงๆ อย่างที่ได้ใส่ร้ายวัดเอาไว้



 
 
11) ที่กล่าวหาว่า วัดพระธรรมกายบิดเบือนคำสอน แต่พอวัดเอาคำสอนมาเทียบกับพระไตรปิฎก ก็ปรากฏชัดว่า ตรงตามคำสอน  และเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ทำเป็นรับไม่ได้ จึงใส่ร้ายว่าวัดพระธรรมกายบิดเบือนคำสอนข้ออื่นๆ ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

12) เมื่อวัดพระธรรมกายจัดงานตักบาตร หรือเดินธุดงค์ กลุ่มเกลียดวัดกลุ่มเดิมๆ ก็จัดตั้งคนออกมาต่อต้าน แล้วก็มั่วออกสื่อว่า “คนทั้งจังหวัดนั้นๆ ไม่เอาตักบาตร ไม่เอาวัดพระธรรมกาย” และพอไปสืบก็พบว่าไม่ใช่คนในจังหวัด แต่ก็เป็นพวก กปปส. เพียงไม่กี่คนที่จ้างมา อีกทั้งพอจัดตักบาตรจริงๆ คนในจังหวัดก็มากันเป็นหมื่น ๆ คน ซึ่งถ้าคนจังหวัดนั้นต่อต้านจริง เขาจะแห่มากันเยอะขนาดนี้ทำไม ซึ่งอย่างนี้ จะมามั่วบอกว่า คนในจังหวัดนั้นไม่เอาการตักบาตร ก็ถือเป็นการโกหกและใส่ร้ายวัดเต็มๆ

         

หลักฐานชัด!!! คนที่มาขัดขวางคือ พวกกปปส. ไม่ใช่ชาวปทุมธานีอย่างที่เข้าใจ

ทีพระไพศาลทำแบบวัดพระธรรมกาย ทำไมไม่เห็นมีใครว่า???

 13) ทำไมมาหาว่าวัดพระธรรมกายเป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งๆ ที่วัดพระธรรมกายก็ไม่เคยนำคนไปฆ่าใคร ตรงกันข้ามกลับให้นั่งหลับตาทำสมาธินิ่งๆ มาตักบาตร มาบวช ซึ่งการทำอย่างนี้เป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างไร 

ตรงกันข้าม ทีกลุ่มที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจริงๆ อย่างผู้ก่อการร้ายภาคใต้ ที่พยายามจะเเบ่งแยกดินแดนไทยไป ทำไมปล่อยให้ระเบิดมีคนตายมาเป็น 10 กว่าปี ทีอย่างนี้ ไม่เห็นไปจัดการจริงจังเลย ซ้ำร้ายกลับมาขัดขวางการตักบาตรที่อุบลฯ เพื่อไม่ให้เอาอาหารไปช่วยพระภาคใต้ อย่างนี้เท่ากับผู้ที่เข้ามาขัดขวางทำตัวเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเสียเอง !!!